ย้อนไปเดือน มิ.ย. 63 ที่เราประเมินว่าเป็นเดือนของการระดมทุนโดยการออกพันธบัตรของรัฐบาลท่ัวโลก ซึ่งทา ให้เราประเมินว่าสภาพคล่องในตลาดทุนจะถูกดึงออกไปชั่วคราว และอาจท าให้เกิดปรากฏการณ์ Sell in June พอมาถึงเดือน ก.ค. 63 เราประเมินว่าจะเป็นเดือน ของการลงทุนเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะลงทุนผ่านโครงสร้างพืน้ฐาน หรือจะเป็นการช่วยเหลือ SME และการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่ถูกกระทบหนัก ซึ่งทั้งหมดทำผ่านนโยบายการคลัง

เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 31.13 ต่อดอลลาร์USD/THBหลังซื้อขายในกรอบ 30.87-31.14 โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 4.4 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 9 ร้อยล้านบาท

สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก เมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) ขานรับรายงานยอดค้าปลีกของยูโรโซนที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเกินคาดในเดือน

ภาพรวมการลงทุนวันนี้ – เราคาดว่า SET ยังคงได้ Sentiment เชิงบวกจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกที่แข็งแกร่งทั้ง จีน สหรัฐฯ และยุโรป เป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัว ทาง

เมื่อคืนที่ผ่านมาสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่าย จัดซื้อนอกภาคการผลิตเดือนมิ.ย. ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 57.1 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ที่ระดับ 48.9 สูงกว่าเดือนพ.ค. ที่ระดับ 45.4 และเป็นระดับการขยายตัวครั้ง แรก (มากกว่า 50) หลังจากดัชนีปรับตัวลงสู่ระดับการหดตัว จากผลกระทบของการ แพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนเม.ย.

นั้นคือคำพูดสรุปของมุมมองจากนักวิเคราะห์ต่างๆทั่วโลก ที่ยิ่งวันยิ่งรู้สึกว่าความหวังของการรีบาวด์รูปตัว V-Shape กำลังจางหายไป มุมมองต่างๆกำลังเริ่มเป็นเสียงเดียวกันว่าเศรษฐกิจคงยังไม่ฟื้นกลับมาถึงจุดเดิมจนกว่าจะถึงอีก 2 ปีหน้าหรือในปี 2022

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก เมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ซึงถือเป็นสกุลเงินปลอดภัยและมีสภาพคล่องสูง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกียวกับการแพร่ระบาดรอบสองของโรคโควิด-19 ในสหรัฐ และประเทศอืนๆ ดัชนีดอลลาร์ซึงเป็นดัชนีวัดความเคลือนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงิน หลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิมขึ่้น 0.06% สู่ระดับ 97.2696 เมือคืนนี้ดู US Dollar Index ล่าสุด

ไตรมาสที่ 3 เริ่มต้นด้วยการไซด์เวย์ของตลาดหุ้นและตลาดสกุลเงินถึงจะปรับฐานแต่ตลาดหุ้นยังถือว่าปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวลดลง เปิดโอกาสให้สกุลเงินปอนด์,แคนาดาดอลลาร์,ออสเตรเลียดอลลาร์และนิวซีแลนด์ดอลลาร์ได้ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ ยังอยู่ในจุดที่น่ากังวล รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับปัญหานี้น้อยมาก ถึงอย่างนั้นนักลงทุนก็ยังคงเชื่อและหวังให้อัตราการตายอยู่ในระดับต่ำและหวังว่าจะได้เจอวัคซีนโดยเร็ว

จากข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มจะกลับมาดีขึ้นในเดือนพฤษภาคมจึงทำให้นักวิเคราะห์มองว่าข้อมูลตัวเลขการจ้างงานในเดือนมิถุนายนสมควรที่จะดีตามไปด้วย ในเมื่อบางรัฐสามารถกลับมาเปิดเมืองได้แล้วจึงไม่มีเหตุผลอะไรทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจจะออกมาไม่ดี นั่นคือสิ่งที่ตลาดคิดก่อนที่จะเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2 ในส่วนของสกุลเงินดอลลาร์เองนักลงทุนต่างคาดหวังให้สกุลเงินมีการปรับตัวที่ดีขึ้นแต่ความจริงก็คือคนอเมริกายังคงตกงานอยู่ในระดับหลักล้านคน

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายทีตลาดปริวรรตเงินตรา นิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) เนืองจากนักลงทุนพากันเทขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังการเปิดเผยความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจทีแข็งแกร่ง ดัชนีดอลลาร์ ซึงเป็นดัชนีวัดความเคลือนไหวของดอลลาร์เมือเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลใน ตะกร้าเงิน ลดลง 0.19% สู่ระดับ 97.2120 เมื่อคืนกดดู US Dollar Index

ตลาดการเงินฝั่งสหรัฐยังคงปรับตัวขึ้นต่อ S&P 500 บวก 0.5% ด้วยความคาดหวังจากการทดลองยาต้านไวรัสของหลายบริษัท ขณะที่ฝั่งยุโรป Stoxx Europe 600 ก็ปรับตัวขึ้นตาม 0.2% ด้วยมุมมองตลาดที่เปิดรับความเสี่ยง (Risk On) เห็นได้จากบอนด์ยีลด์เยอรมันอายุ 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นถึง 6bps มาที่ระดับ -0.40% ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวขึ้นเพียง 2bps มาที่ระดับ 0.68%

จบไปแล้วกับครึ่งปีแรกที่เราต้องใช้ชีวิตร่วมอยู่กับเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่าโควิด-19ในไตรมาสแรกที่ 1 เราถูกปกคลุมด้วยความกลัวส่วนไตรมาสที่ 2 สิ่งที่เราได้ยินอยู่บ่อยๆ คือ “การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ดอลลาร์แกว่งตัวระหว่างแดนบวกและแดนลบในระหว่างวันในวันอังคาร ขณะที่นักลงทุน พิจารณาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่การเงินสหรัฐที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่ดีขึ้น และถ้อยแถลงของนาย แอนโธนี เฟาซี ผู้อํานวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐ ที่กล่าวเตือนเรื่อง การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา

เมื่อมองไปที่แนวโน้มของดัชนีดาวโจนส์คำถามยอดฮิตที่นักลงทุนทั้งฝั่งซื้อและขายมักจะถามกันก็คือว่า“ตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ หรือฟื้นตัวอย่างรวดเร็วกันแน่?”แต่ละฝั่งต่างก็มีข้อโต้แย้งของกันและกัน ฝั่งขึ้นบอกว่าการเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจทำให้การเติบโตกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในขณะที่ฝั่งขายก็บอกว่าเพราะการเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจนี่ละที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดด้วยเช่นกัน

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมือเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายทีตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) ท่ามกลางความกังวลเกียวกับจํานวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐและทัวโลก ขณะที่นักลงทุนปรับเปลียนการลงทุนในช่วงท้ายไตรมาส 2 (Half year)

ความกังวลของนักลงทุนในตลาดเพิ่มสูงขึ้นซึ่งสามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมราคาในกราฟคู่สกุลเงินและตลอดหุ้น สกุลเงินหลักๆ อย่างเช่นยูโร,ปอนด์และแคนาดาดอลลาร์ล้วนแต่ถูกเทขายในขณะที่สกุลเงินสวิตฟรังก์และเยนกลับไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก ปัจจัยที่ทำ